วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2553

การ์ตูน































































หมีพูล์


หมีพูห์ หรือ วินนี-เดอะ-พูห์ ( Winnie-the-Pooh) เป็นตัวละครหมีที่สร้างขึ้นโดย เอ. เอ. มิลน์ และตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ 14 ตุลาคมค.ศ. 1926 ในหนังสือเรื่อง วินนี-เดอะ-พูห์ และ เดอะเฮาส์แอตพูห์คอร์เนอร์ (1928)


เนื้อเรื่องในหนังสือมีลักษณะคล้ายกับ ป่าแอชดาวน์ ในเมือง อีสต์ซัซเซก ในประเทศอังกฤษ โดยชื่อ วินนี มาจากชื่อตุ๊กตาหมีของทหารชาวแคนาดานายหนึ่ง ซึ่งตั้งตามชื่อเมือง วินนีเพก ในประเทศแคนาดา


นอกจากหมีพูห์แล้วเพื่อนในป่าที่ได้รับความนิยมได้แก่ พิกเลต ทิกเกอร์ และ อียอร์
ต่อมา วอลต์ดิสนีย์ ได้นำวินนี-เดอะ-พูห์ มาจัดทำและได้เปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น Winnie the Pooh (โดยไม่มีเครื่องหมายขีด) และหมีพูห์ได้กลายมาเป็นสัญลักษณ์หนึ่งของดิสนีย์
หมีที่ชื่อว่า วินนี่ เดอะ พูห์ เป็นผลงานสร้างสรรค์ของเอ.เอ.ไมลน์ ( A.A.Miline) นักเขียนชาวอังกฤษ มีชื่อเต็มว่า อลัน อเล็กซานเดอร์ ไมลน์

ตำนานของหมีพูห์เริ่มจากการที่ทหารกองทัพแคนาดาได้นำหมีน้อยตัวหนึ่ง ชื่อว่า วินนี่ เพ็ก แก่ประเทศอังกฤษ เพื่อให้เป็นสัญลักษณ์ของการร่วมรบกันระหว่างกองทัพแคนาดาและอังกฤษในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ( ค.ศ.1914-1918)

หมีน้อยตัวนี้ได้ไปอยู่ที่สวนสัตว์กรุงลอนดอน ในปี 1919 ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของชาวลอนดอนมาก รวมถึงหนูน้อยคริสโตเฟอร์ โรบิน ลูกชายของนักเขียนชื่อเอ.เอ.ไมล์น

หนูน้อยคริสโตเฟอร์นำชื่อวินนี่ เพ็ก ไปตั้งชื่อตุ๊กตาหมีตัวโปรดว่า วินนี่ เดอะ พูห์ โดยคำว่า “ พูห์” (Pooh) เป็นชื่อของหงส์ในกวีบทหนึ่ง

ต่อมาเอ.เอ.ไมลน์ จึงเริ่มเขียนเรื่องราวของวินนี่ เดอะ พูห์ และเพื่อนพ้องของมัน โดยหนังสือวางจำหน่ายเมื่อปีค.ศ.1926 หรือ 74 ปีที่แล้ว

กระทั่งปี 1996 ที่ผ่านมา ยอดขายหนังสือสูงถึง 20 ล้านเล่ม แปลเป็นภาษาต่างๆมากกว่า 25 ภาษา ในขณะเดียวกันวอลต์ ดิสนีย์ ซื้อลิขสิทธิ์หมีพูห์และนำไปสร้างการ์ตูนบนแผ่นฟิล์มในปี 1996 พร้อมกับผลิตภัณฑ์มากมายก่ายกอง ทำให้หมีพูห์เป็นตัวการ์ตูนยอดนิยมอันดับ 2 ของเด็กอเมริกันรองจากมิกกี้ เม้าส์
หมีพูห์รู้ดีว่าเขาต้องการอะไรเมื่อ “ ท้องเริ่มส่งเสียงร้อง” นั่นคือ น้ำผึ้งไง!
อืม... แต่จะทำอย่างไรหากเขาพบเพียงโถเปล่าที่มีน้ำผึ้งเหนียว ๆ
ติดอยู่เพียงนิดเดียวเท่านั้น
“ งั้นเราก็ต้องช่วยจัดการให้โถเกลี้ยงเร็ว ๆ หน่ะสิ” เจ้าหมีสมองเล็ก (แต่บางครั้งก็ฉลาดล้ำลึก)
ตัวนี้อาจพยายามหลอกเจ้าผึ้งขี้สงสัยว่ าตัวเขาคือเมฆฝนสีดำก้อนใหญ่ หรือถ้าคิดอีกที
การแวะไปบ้านกระต่ายเพื่อหาขนมหวานทานดูจะเป็นเรื่องง่ายกว่า ( และเจ็บตัวน้อยกว่าด้วย)
แต่ไม่ว่าพูห์จะเลือกทำอะไรก็มักจะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นเสมอ เช่น ติดอยู่ในรูกระต่าย
แคบ ๆ และไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวออกมาได้ เป็นต้น แต่ก็นั่นแหล่ะ เขามักจะหาทางออกได้เสมอ
เพราะแม้สมองของเขาจะเต็มไปด้วยนุ่น แต่เพื่อนรักของคริสโตเฟอร์ โรบิน
หรือที่ใคร ๆ เรียกว่าเจ้าหมีแก่จอมงี่เง่าตัวนี้มีจิตใจที่งดงาม
ในชีวิตจริง วินนี่ย์เดอะพูห์ ( หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็ดเวิร์ดแบร์ ในช่วงแรกเมื่อเขาปรากฏตัวใน
‘When We Were Very Young’ คือ ของเล่นสุดรักสุดหวงของคริสโตเฟอร์ มิลล์
( ลูกชายของเอ. เอ. มิลล์) ซึ่งได้รับเจ้าหมีน้อยตัวนี้เป็นของขวัญครบรอบหนึ่งขวบของเขาใน
ปี 1921
ปัจจุบัน วินนี่ย์เดอะพูห์ถูกจัดแสดงให้แฟน ๆ ของการ์ตูนเรื่องดังกล่าวได้ชมกันที่ Children’s
Reading Room ใน New York Public Library บนถนน West 53rd Street
ผู้ให้เสียงสำหรับตัวการ์ตูนตัวนี้ คือ สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ซึ่งเป็นนักแสดงชื่อดังและนักพากย์ที่สตูดิโอดิสนี่ย์


ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องวินนี่ย์เดอะพูห์










ภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องแรกของทางสตูดิโอที่นำวรรณกรรมเยาวชนอันแสนน่ารักของเอ. เอ. มิลล์
ถ่ายทอดสู่แผ่นฟิล์ม วินนี่ย์เดอะพูห์และผองเพื่อน , คริสโตเฟอร์ โรบิน, เจ้าลาอีออร์,
นกฮูก, แคงก้า และเบบี้รู รวมถึงกระต่ายและโกเฟอร์ ต้องเผชิญกับฝูงผึ้งและรังน้ำผึ้ง
อันแสนหอมหวาน มีการดัดแปลงเรื่องราวดั้งเดิมของเจ้าหมีเท็ดดี้แบร์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกตัวน
ี้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดที่สุดคือการเพิ่มตัวละครใหม่ นั่นคือ โกเฟอร์
นี่คือภาพยนตร์การ์ตูนพิเศษขนาดสั้นกำกับโดย วูลฟแกงค์ ไรเดอร์แมน
ทีมพากย์เสียงโดย สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ ( พูห์) , บรูซ ไรเดอร์แมน (คริสโตเฟอร์ โรบิน),
ราล์ฟ ไรต์ (อีออร์), โฮวาร์ด มอร์ริส (โกเฟอร์), บาบาร่า ลัดดี้ (แคงก้า), ฮัล สมิธ (นกฮูก),
จูเนียส แมธธิวส์ (กระต่าย) และคลินต์ โฮวาร์ด (รู)
ความยาว 26 นาที เซบาสเตียน เคบอตต์ ผู้ดำเนินเรื่อง และเพลงประกอบภาพยนตร์โดย
ริชาร์ด เอ็ม. และ โรเบิร์ต บี. เชอร์แมน
สเตอร์ลิง ฮอลโลเวย์ได้รับคำชมเชยอย่างมากจากการพากย์เสียงเป็นพูห์และเป็นส่วนหนึ่ง
ที่ทำให้หนัง
ประสบความสำเร็จ เป็นแรงบันดาลใจให้เกิดภาคต่ออีก 3 ตอน รวมถึงการนำตอนต่อทั้งหมดออกฉายรวมกันด้วย

สถานที่ท่องเที่ยว







ประวัติดอยอ่างขาง
อ่างขาง เป็นชื่อตำบลๆหนึ่งตั้งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี ติดกับเขตแดนพม่า คือ ห่างกันเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,400 เมตร อยู่ในเขตอำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
อ่างขาง ภาษาทางเหนือหมายถึง อ่างรูปสี่เหลี่ยม ลักษณะของดอยอ่างขางนั้น เป็นดอยที่มีรูปร่างของหุบเขายาวๆ ล้อมรอบไปด้วยเขาสูงทุกด้าน ตรงกลางของอ่างขาง เดิมเป็นเขาสูงดังเช่นที่เห็นทั่วไป ในบริเวณใกล้เคียง แต่เนื่องจากเป็นเขาหินปูน เมื่อถูกน้ำฝนชะก็จะค่อยๆละลายเป็นโพรงแล้ว ยุบตัวลงกลายเป็นหลุม ในอดีต ดอยอ่างขางเคยมีหมู่บ้านชาวเขา ทั้งม้ง,เย้าและมูเซอ อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และพื้นที่สามารถปลูกฝิ่นได้งาม เนื่องจากดินมีโครงสร้างที่เหมาะสมลักษณะอากาศ และภูมิประเทศก็เอื้ออำนวย ดอยอ่างขางมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี โดยเฉพาะตอนกลางคืน จะหนาวเย็นจัดที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ประกอบกับมีการทำไร่เลื่อนลอยชาวไทยภูเขา ในที่สุดก่อให้เกิดผลกระทบขึ้น เมื่อป่าไม้บนภูเขาเหลือน้อยฝนตกลงมา น้ำฝนก็ชะหน้าดินไหลลงสู่หุบเขาดิน ไม่สามารถอุ้มน้ำเอาไว้ได้ ทำให้ธาตุอาหารในดินลดน้อยลง เมื่อความอุดมสมบูรณ์ของดินหมดไป ชาวไทยภูเขาก็หาพื้นที่ทำไร่ใหม่ต่อไป ซึ่งได้ส่งผลให้ดอยอ่างขาง มีสภาพเป็นดอยหัวโล้น มาเป็นระยะเวลาอันยาวนานจากอดีต



สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
จากการเสด็จพระราชดำเนินของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมด้วยสมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ไปเยี่ยมพสกนิกรและชาวไทยภูเขาหลายหมู่บ้าน ทรงทอดพระเนตรเห็นว่า ชาวเขาส่วนใหญ่ปลูกฝิ่นแต่ยากจน ทั้งยังทำลายทรัพยากรป่าไม้ต้นน้ำลำธาร ซึ่งเป็นแหล่งสำคัญต่อระบบนิเวศโดยรวมของประเทศชาติ ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติในอนาคตได้ ดอยอ่างขางก็เกิดปัญหาดังกล่าวที่จำเป็นต้องเข้ามาดำเนินการแก้ไขด้วยเช่นกัน
ในครั้งนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จึงได้ทรงสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ เป็นจำนวน 1,500 บาท เพื่อซื้อที่ดิน และไร่จากชาวเขา ในบริเวณดอยอ่างขางส่วนหนึ่ง จากนั้นก็ทรงมอบหมายให้หม่อมเจ้าภีศเดชรัชนี ดำเนินการใช้เป็นสถานีทดลอง ปลูกไม้เมืองหนาว ให้เป็นตัวอย่างแก่ชาวเขา เพื่อชาวเขาจะได้นำวิธีการไปใช้ เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ดังที่ ทรงพระราชทานไว้ว่า “ให้ช่วยเขาช่วยตัวเอง”
งานพัฒนาคุณภาพชีวิตของชาวเขา และพัฒนาการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ได้เริ่มต้นขึ้นด้วย โครงการในพระบรมราชานุเคราะห์ชาวเขาตั้งแต่เมื่อ ได้โปรดเกล้าฯจัดตั้ง โครงการหลวงเป็นโครงการส่วนพระองค์ เมื่อปีพ.ศ. 2512 การดำเนินงานของดอยอ่างขาง ก็ได้พัฒนาเป็นสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกลางปีพ.ศ. 2514 ไต้หวันได้จัดส่งผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาสภาพพื้นที ่และความเหมาะสมในการปลูกไม้ผลเมืองหนาว หลังจากนั้นก็ได้ส่งเชื้อเห็ดหอม และพันธุ์พืชถวายโดยไม่คิดมูลค่า เพื่อให้ทรงนำมาใช้ประโยชน ์ตามพระราชประสงค์ในโครงการหลวง โดยเฉพาะการเพาะเห็ดหอมนั้น เมื่อนำมาเพาะกับไม้ก่อ ซึ่งเป็นไม้ท้องถิ่นของภาคเหนือก็จะได้ผลผลิตเห็ดหอมสดๆ ส่งออกตลาดได้เป็นจำนวนมาก ในปัจจุบันสถานี เกษตร หลวง อ่าง ขาง ได้ ทดลอง ปลูก ไม้ ผล เมือง หนาว โดย เริ่ม จาก การ ปลูก แอปเปิ้ล และ พันธุ์ ไม้ อื่น ๆ ตาม มา
วันนี้ดอยอ่างขางมีสีสันของสภาพพื้นท ี่ที่ได้รับการพัฒนาด้วยการ ใช้พื้นที่อย่างเหมาะสมบางส่วน ที่เคยโล่งเตียนอันเป็นผลมาจากการ ถูกทำลายในอดีต ก็ได้กลับกลายเป็นพื้นที่เกษตรกรรม ในส่วนพื้นที่ที่เคยเป็นป่าก็ได้รับการฟื้นฟู ทั้งด้วยการปลูกป่าด้วยไม้โตเร็ว และปล่อยทิ้งพื้นที่ที่เคยเป็นป่าให้เกิดเป็นป่าใหม่ โดยวิธีธรรมชาติ
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง ใช้เป็นสถานที่ทดลองค้นคว้าวิจัยพืชผลเมืองหนาว ที่สามารถปลูกได้ดีในพื้นที่ ทั้งนี้เพื่อนำผลการทดลองค้นคว้า และวิจัยไปส่งเสริมให้ชาวไทยภูเขา ในพื้นที่ไปปลูก เพื่อทดแทนการปลูกฝิ่นเพื่อ ชาวเขาจะได้ตั้งหลักแหล่งที่อยู่ ในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ และต้นน้ำลำธาร
ดอยอ่างขางนับได้ว่าเป็นพื้นที่“ที่สูง”เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารที่สำคัญของประเทศแหล่งหนึ่ง และเนื่องจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีแนวพระราชดำริให้การพัฒนาต่างๆในพื้นที่ จะต้องสอดคล้อง กับการอนุรักษ์พื้นที่นั้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก บนภูเขา เพื่อทดน้ำมาใช้ในการเกษตรกรรม หรือการปลูกป่าฟื้นฟูป่าธรรมชาติ
สถานที่ท่องเที่ยว
บนดอยอ่างขาง นอกจากมีสถานีเกษตรหลวงอ่าวขางแล้ว ยังมีหมู่บ้านชาวเขาที่ยังคงมีวิถีชีวิตน่าสนใจ และปลูกพืชผลเมืองหนาวให้ชมเช่นกัน เช่น มูเซอดำ บ้านขอบด้ง ห่างจากสถานี 3 กิโลเมตร ชาวปะหล่อง บ้านนอแล ติดชายแดนพม่า ห่างจากสถานีประมาณ 8 กิโลเมตร ชาวจีนฮ่อ บ้านหลวง ระยะทางห่างจากสถานี 6 กิโลเมตร ส่วนที่บ้านคุ้มคึกคักที่สุด มีร้านอาหาร และที่พักบริการด้วย บ้านคุ้มอยู่บริเวณด้านหน้าสถานี
ดอยอ่างขางเหมาะสำหรับการเที่ยวชมธรรมชาติ และศึกษาการปลูกพืชผลเมืองหนาว ตั้งแต่เดือนตุลาคม–กุมภาพันธ์ เนื่องจากอากาศหนาวเย็น และดอกไม้ดอกนานาชนิดออกดออกสวยงามสะพรั่งไปทั้งดอย สำหรับสถานีเกษตรหลวงอ่างขางการเข้าชมเป็นหมู่คณะต้องติดต่อล่วงหน้า

กีฬา








แบดมินตัน




แบดมินตัน เป็นกีฬาขนาด เล็ก ปัจจุบันลูกขนไก่ผลิดจากขนเป็ดที่คัดแล้ว ลูกบอลทรงกลมขนาดเล็กที่ทำเป็นหัวลูกขนไก่ทำด้วยไม้คอร์ก ราคาลูกขนไก่ที่ใช้ในการแข่งขันจะอยู่ที่ประมาณลูกละ40-50บาท

กีฬาแบดมินตันจะแบ่งผู้เล่นออกเป็น 2 ฝ่าย และแบ่งการแล่นออกเป็น 2 ประเภท คือ "ประเภทเดี่ยว" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 1 คน และ "ประเภทคู่" แบ่งผู้เล่นออกเป็นฝ่ายละ 2 คน การเล่นรอบหนึ่งเรียกว่า 1 แมทช์ แมทช์ละ 3 เกม(บางคนเรียกเซ็ท) ตัดสินแพ้ชนะ2ใน3เกม มีกำหนดคะแนนสูงสุด 21 คะแนน ฝ่ายใดทำคะแนนได้ถึง 21 คะแนนก่อนจะเป็นผู้ชนะในเกมนั้น

ประวัติ


กีฬาแบดมินตันมีความเป็นมาไม่ชัดเจนนัก ซึ่งจากหลักฐานต่างๆ จะสามารถบ่งบอกที่มาของกีฬาประเภทนี้ไว้ที่หลายยุค เช่น

ในจีนช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 7 มีภาพวาดเก่าๆ ซึ่งบ่งบอกว่ามีการใช้ขนไก่มาทำเป็นลูกขนไก่ใช้ในการเล่น ซึ่งตอนนั้นจะใช้เท้าเตะกัน 2 คนหรือจะตั้งวงกัน 3-4 คน
คริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาวอินเดียแดงในอเมริกาตอนใต้ ใช้ขนนกหรือขนไก่พูกติดกับลูกกลมโดยลูกบอลกลมนั้นใช้หญ้าฟางพันขมวดเข้าด้วยกัน และให้ขนไก่ชี้ไปทางเดียวกันและเวลาเล่นใช้มือจับลูกขนไก่นั้นปาใส่ผู้เล่นคนอื่น
คริสต์ศตวรรษที่ 14 ชาวญี่ปุ่นได้มีการใช้ขนไก่ หรือขนนกเสียบผูกติดกับหัวไม้ และใช้ไม้ตีลูกขนไก่นั้น โดยไม้ที่ใช้ตีทำมาจากไม้กระดาน ตีลูกขนไก่ไปมา
ปลายคริสต์ศตวรรษที่ 17 ในแถบยุโรปมีการเขียนภาพสีน้ำมันถึงการเล่นกีฬาแบดมินตันในราชสำนักต่าง ๆ
พระราชินีคริสตินาแห่งสวีเดนทรงจำลองไม้แบดมินตันมาจากแร็กเกตในกีฬาเทนนิส และใช้ขนไก่หรือขนนกเสียบติดกับหัวไม้ก๊อก
เจ้าฟ้าชายเฟรดเดอริค มกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ทรงแบดมินตันในลักษณะเดียวกัน แต่ในตอนนั้นเรียกแบดมินตันว่า "แบทเทิลดอร์กับลูกขนไก่"
คริสต์ศตวรรษที่ 18 ในเยอรมนีกษัตริย์ของปรัสเซียเฟรดเดอริคมหาราช และพระเจ้าหลานเธอเฟรดเดอริค วิลเลียมที่สอง ทรงแบดมินตันในลักษณะเดียวกัน และในประเทศอังกฤษมีเรื่องเล่าว่าในปี ค.ศ. 1870 นายทหารคนหนึ่งที่ไปประจำการอยู่ในเมืองปูนา ประเทศอินเดียได้เห็นกีฬาตีลูกขนไก่จึงนำกลับไปเล่นในอังกฤษ และในอังกฤษ ณ คฤหาสน์ “แบดมินตัน” ของดยุคแห่งบิวฟอร์ด ที่ตำบลกล๊อสเตอร์เชอร์ ในปี ค.ศ. 1873 เกมกีฬาตีลูกขนไก่จึงถูกเรียกว่า “แบดมินตัน” ตามชื่อของสถานที่นับตั้งแต่นั้นมา


การเล่น
กติกาเบื้องต้น
1.การออกนอกเส้น มีการกำหนดเส้นออกแต่งต่างกันในกรณีเล่นเดี่ยวและเล่นคู่
2.การเสิร์ฟลูก ตามกติกา ที่ถูกต้อง คือ
1.หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าข้อมืออย่างเห็นได้ชัด
2.หัวไม้ขณะสัมผัสลูกต้องต่ำกว่าเอวอย่างเห็นได้ชัด
3.ผู้เล่นต้องไม่ถ่วงเวลา หรือเสริฟช้า หรือเสริฟ 2 จังหวะ การเสริฟ ต้องเสริฟไปด้วยจังหวะเดียว
4.ขณะเสิร์ฟ ส่วนใดส่วนหนึ่งของเท้าทั้ง 2 ข้างต้องสัมผัสพื้นตลอดเวลา
5.การเสิร์ฟลูกที่ถูกต้อง ต้องให้แร็กเก็ตสัมผัสกับหัวลูกก่อน หากโดนขนก่อนถือว่าผิดกติกา
3.ขณะตีลูกโต้กัน ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายหรือไม้แบดไปสัมผัสกับเน็ท
4.ห้ามตีลูกที่ฝั่งตรงข้ามโต้กลับมาในขณะที่ลูกยังไม่ข้ามเน็ทมายังแดนเรา(Over net)
การดิวส์
หากผู้เล่นทั้งสองฝ่ายทำคะแนนได้เท่ากันในคะแนนที่ 20 จะมีการเล่นต่อ จนกว่าว่าจะมีคะแนนมากกว่าฝ่ายตรงข้าม 2 คะแนน แต่ถ้ายังไม่สามารถทำคะแนนห่างกัน 2 แต้มได้ จะเล่นต่อไปเรื่อยๆ แต่ เมื่อแต้มได้ 29 เท่ากัน ใครที่ทำได้แต้ม 30 ก่อนจะเป็นฝ่ายชนะ

การแข่งขัน
แบดมินตันชิงแชมป์โลก
กีฬาแบดมินตันในโอลิมปิก
แบดมินตัน ประเภททีมชิงแชมป์โลก(โธมัสคัพ)
แบดมินตัน ประเภททีมผสมชิงแชมป์โลก (สุธีรมานคัพ)
แบดมินตัน ชิงแชมป์ทวีปเอเชีย (เอเชียนแชมเปี้ยนชีพ)
แบดมินตัน เอเชียนเกมส์

ความรัก

ความรัก




ความรัก เป็นคำที่มีความหมายเกี่ยวกับอารมณ์ และความรู้สึกเกี่ยวกับ การชอบ, การผูกพันทางจิตใจกับบางสิ่งบางอย่าง คำว่ารักมีความหมายในหลายแง่มุมซึ่ีงทั้งลึกซึ้งและกว้างขว้าง ต่างคนต่างมีความรักต่อผู้อื่นแตกต่างกัน ดั้งนั้นจึงยากต่อการอธิบายและให้คำนิยามคำว่ารักแบบเฉพาะเจาะจง รักเป็นความสัมพันธ์ซึ่งไม่ได้อยู่ลอยๆ หากมีรักก็จะต้องมีผู้ซึ่งเป็นฝ่ายรักและอีกฝ่ายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ถูกรัก ความรักเป็นนามธรรมจึงไม่อาจมองเห็น , ไม่อาจจับต้อง ไม่อาจปริมาณได้ โดยทั่วไปแล้ว ความเสียหายหรือการจากไปของสิ่งรักจะนำมาซึ่งความโศกเศร้าแก่ผู้รัก เนื่องจากผู้รักได้ให้คุณค่าแก่สิ่งนั้น อาจกล่าวได้ว่า ความโศกเศร้าจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับคุณค่าที่ผู้รักกำหนดให้กับสิ่งที่ตนรักนั้น ความรักไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่เพียงมนุษย์ สัตว์ต่างๆ ก็แสดงปรากฏการณ์ทางความรักให้เห็น เช่น การปกป้องลูก

นักปราชญ์ทั่วโลกพยายามหาความหมายที่แน่นอน หรือหานิยามของคำว่าความรัก แต่ไม่มีใครสามารถให้ข้อสรุปได้ว่าความรักนั้นมีนิยามเช่นไร

เทวดาที่เกี่ยวข้องกับความรัก คือกามเทพของศาสนาฮินดู และคิวปิด ในตำนานความเชื่อของกรีก

สัญลักษณ์ที่่หมายถึงความรัก คือ รูปหัวใจสีแดง การชูมือออกมาแล้วกางเฉพาะนิ้โป้ง นิ้วชี้ และนิ้วก้อย ซึ่งหมายถึง ฉันรักเธอ นอกจากนี้บางทีดอกกุหลาบก็หมายถึงความรักด้วย

วันแห่งความรัก (วันวาเลนไทน์)14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี ซึ่งมักจะมีการแสดงความรักโดยการให้ของขวัญหรือให้ดอกกุหลาบ โดยถือว่าดอกกุหลาบนั้นเป็นดอกไม้แห่่่่งความรัก

ความรักในมุมมองของวิทยาศาสตร์

- ความรัก คือ ความรู้สึกต้องการอยากอยู่ด้วยของสิ่งมีชีวิต



อกหัก


อกหัก คือวลีทั่วๆไปที่ใช้อธิบายความเจ็บปวดทางอารมณ์อย่างรุนแรง หรือความเจ็บปวดจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากการตาย, การหย่าร้าง, การโยกย้ายที่อยู่, ถูกปฏิเสธ ฯลฯ คำๆนี้เป็นคำที่มีใช้มาแต่โบราณและถูกใช้อย่างกว้างขวาง อย่างน้อยก็มีการกล่าวถึงในวรรณคดีเรื่องรามายณะของอินเดีย ซึ่งถูกแต่งในช่วง พ.ศ. 300 -743 [1]

โดยทั่วไปแล้ว อกหักมักจะเกี่ยวข้องกับการสูญเสียคู่สมรส หรือ คนที่รัก การสูญเสียผู้ให้กำเนิด, ลูก, สัตว์เลี้ยง หรือ เพื่อนสนิท ก็อาจเรียกได้ว่าอกหักเช่นกัน วลีนี้เกี่ยวข้องถึงความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกจากการสูญเสีย และโดยทั่วไป วลีนี้ก็มักจะใช้ในสภาพอาการนี้ ซึ่งถูกเรียกว่า Broken Heart Syndrome (หรือ Takotsubo cardiomyopathy) อันมีสาเหตุมาจากการที่สมองหลั่งสารเคมีออกมาเพื่อทำให้เนื้อเยื่อหัวใจอ่อนแอลง




มุมมองในเชิงปรัชญา
คนหลายๆคนไม่รู้ตัวถึงอาการอกหักในทันที แต่ใช้เวลาระยะหนึ่งในการรับรู้ถึงความเจ็บปวดทั้งทางอารมณ์และกายภาพอย่างสมบูรณ์ดั่งที่ Jeffrey Moussaieff Masson กล่าวเอาไว้ว่า:

มนุษย์หาได้รับรู้ถึงความรู้สึกที่ตนมีตลอดเวลา เช่นเดียวกับเดรฉานที่ไม่สามารถแสดงความรู้สึกของมันออกมาเป็นคำพูดได้ นี่มิได้หมายความว่าพวกมันไม่มีความรู้สึก ซิกมุนด์ ฟรอยด์เคยกล่าวเอาไว้ว่า ผู้ชายอาจจะตกหลุมรักผู้หญิงสักคนหนึ่งได้ถึงเวลา 6 ปี โดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งหลายอีกปีผ่านไป ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อโลก เขาไม่สามารถบรรยายความรู้สึกที่เขาไม่รู้ออกมาเป็นคำพูดได้ เขามีความรู้สึกแต่เขาไม่รู้จักมัน อาจจะดูเหมือนเป็นการขัดแย้งในตัวเองเพราะเราคิดถึงสิ่งที่เรารู้สึก คิดถึงบางสิ่งที่เรารับรู้อย่างมีสติ ดั่งที่ฟรอยด์กล่าวเอาไว้ในบทความ The Unconscious (จิตไร้สำนึก) "เป็นที่แน่นอนที่สุดว่าแก่นแท้ของอารมณ์ที่เราควรจะตระหนักถึง แต่ก็อีกนั่นแหละ มันยิ่งกว่าคำถามที่ว่าเราสามารถ "มี" ความรู้สึกที่เราไม่รู้

ในมุมมองของพุทธศาสนา
ตามแนวคิดของพุทธศาสนานั้น การพลัดพรากจากบุคลที่รักนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของโลก อันมีผลมาจากผลกรรม[4] ดังที่กล่าวเอาไว้ในพระไตรปิฎกดังนี้

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์อะไร สตรี บุรุษ คฤหัสถ์หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนือง ๆว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความพอใจ ความรักใคร่ในของรักมีอยู่แก่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นเหตุให้สัตว์ทั้งหลายประพฤติทุจริตด้วยกาย วาจา ใจ เมื่อเขาพิจารณาฐานะนั้นอยู่เนือง ๆ ย่อมละความพอใจ ความรักใคร่นั้นได้โดยสิ้นเชิงหรือทำให้เบาบางลงได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะอาศัยอำนาจประโยชน์นี้แล สตรี บุรุษ คฤหัสถ์ หรือบรรพชิต จึงควรพิจารณาเนือง ๆ ว่าเราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น


ในวรรณกรรมคลาสสิก
ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยวิกิพีเดียไทยได้โดยการเพิ่มเติมข้อมูลในส่วนนี้

อาการ
อาการอกหักสามารถปรากฏได้โดยความเจ็บปวดทางจิต แต่ก็มีหลายๆผลกระทบที่ส่งผลเชิงกายภาพ ประสบการณ์อกหักนี้มักจะถูกคำนึงถึงในลักษณะที่อธิบายไม่ได้ รายการต่อไปนี้เป็นรายการของอาการโดยทั่วไปที่อาจเกิดขึ้น[ต้องการอ้างอิง]

ปวดแน่นหน้าอก ซึ่งคล้ายคลึงกับ Panic attack
ปวดท้อง และ/หรือ ไม่อยากอาหาร
นอนไม่หลับ
โกรธ
ตกใจ
ระลึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
เซื่องซึม
รู้สึกเหงา
สูญเสียความหวัง และแรงขับเคลื่อน
สูญเสียความเคารพและความเชื่อมั่นในตนเอง
ความเจ็บป่วยทางการแพทย์และจิตวิทยา
มีความต้องการฆ่าตัวตาย
เคลื่อนไส้อาเจียน
เหนื่อยล้า
Thousand-yard stare
ร้องไห้ถี่ๆ หรือต่อเนื่อง
รู้สึกอ้างว้าง
ร้ายแรงที่สุดคือ ตรอมใจตาย

วันจันทร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2552

การเมือง

ทางออกวิกฤตการเมือง ทางออกของทักษิณ - ไทยรักไทย






แม้เวลานี้แลดูแล้วการเมืองจะสับสนวุ่นวายเพิ่มมากขึ้นประการแรก เป็นความสับสนวุ่นวายอันเกิดขึ้นจากพฤติกรรมของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศศึกกับ "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ซึ่งยังหาตัวตนที่แท้จริงไม่ได้ และพฤติกรรมการเขียนจดหมายไปรายงานเหตุการณ์บ้านเมืองของไทยให้กับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช แห่งสหรัฐอเมริกา รับทราบ

ซึ่งการกระทำทั้ง 2 ประการของ พ.ต.ท.ทักษิณทำให้เป็นเงื่อนไขแก่กลุ่มต่อต้านรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณในการที่จะประกาศรวมพลเพื่อประท้วงขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณออกจากตำแหน่งอีกครั้ง

แม้ว่า ในที่สุดพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจะเปลี่ยนแนวทางจากการชุมนุมประท้วงมาเป็นการนำจดหมายเปิดผนึกไปอ่านหน้าสถานทูต 6 แห่ง เพื่อตอบโต้ข้อความจดหมายที่ พ.ต.ท.ทักษิณส่งไปถึงประธานาธิบดีบุช แต่ก็ใช่ว่า เงื่อนไขนี้จะหดหายไปจากเกมการเมืองนี้ได้

เพราะทั้งการประกาศเป็นอริกับ "ผู้มีบารมี" และการส่งจดหมายถึงประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จะกลายเป็นปมที่ชี้ถึงวุฒิภาวะผู้นำประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ

และจะกลายเป็นปมหนึ่งในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณออกจากตำแหน่ง

ประการที่สอง เมื่อพิจารณาถ้อยคำของนายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ รักษาการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ตอบคำถามเกี่ยวกับกระแสข่าวการจะลาออกจากตำแหน่งแล้วน่าคิด

นายสุรนันทน์บอกว่า การทำงานต้องรับผิดชอบ 3 ระดับ คือ 1.ครอบครัว 2.องค์กร คือพรรคไทยรักไทย และ 3.ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ซึ่งข้อสุดท้ายนี้สำคัญที่สุด

"วันนี้ผมยังจำเป็นต้องทำงาน เพราะหน้าที่ต่างๆ ยังมีอยู่ หากวันใดวันหนึ่งรู้สึกไม่สบายใจ ก็ต้องหารือกับนายกฯ"

ผมไปอเมริกาก็เจอทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับนายกฯเหมือนกัน วันนี้อยากให้พรรคหันมาทบทวนตัวเอง มาหารือกันภายใน โดยยุทธศาสตร์ที่สำคัญคือ นายกฯและผู้บริหารพรรคควรจะปล่อยให้อีมครึมแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้ เพราะไม่เช่นนั้นจะเกิดเสียงเรียกร้องให้คนอื่นเข้ามาแทน"

และ "ทุกคนมีความเห็นที่แตกต่างได้ แต่ควรใช้เหตุผล ไม่ใช่ใช้กำลัง ผมเพิ่งวางหูโทรศัพท์จากเลขาฯนายกฯ โดยยืนยันว่าจะยังช่วยเหลือพรรคภายในกรอบ 3 อย่างที่พูดไปข้างต้นวันนี้คนในไทยรักไทยต้องแก้ปัญหาการเมือง ต้องคุยกันให้มากกว่านี้ และเคารพเสียงส่วนน้อยด้วย ทุกฝ่ายต้องลดทิฐิ ต้องระมัดระวังในสิ่งที่ทำให้ประชาชนรู้สึกไม่เป็นที่พึ่งของเขา"

อย่าลืมว่า นายสุรนันทน์เป็นคนที่ยืนอยู่ข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มาตั้งแต่เข้าสู่สนามการเมือง จนกระทั่งถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มสายตรง พ.ต.ท.ทักษิณ

ดังนั้น คำให้สัมภาษณ์ของนายสุรนันทน์จึงเป็น "คำเตือน" เสียมากกว่า "คำตำหนิ" พรรค

ขณะเดียวกัน คำพูดของนายสุรนันทน์ก็สะท้อนให้เห็นความขัดแย้งทางความคิดภายในพรรคไทยรักไทยได้ไม่น้อย

เมื่อประจวบกับข่าวการลาออกของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ นายวิษณุ เครืองาม และข่าวคราวการเตรียมตัวลาออกของรัฐมนตรีคนอื่นๆ แล้ว สามารถสรุปได้ว่า ภายในรัฐบาลและภายในพรรคไทยรักไทยเองก็เกิดอาการระส่ำระสายไม่ใช่น้อย

และปฏิเสธไม่ได้ว่ารักษาการรัฐมนตรีแต่ละคนต้องถูกกดดันเพื่อให้ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อให้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณไม่สามารถทำงานได้ และยอมจำนนในที่สุด

ประการสุดท้าย คือ การปล่อยข่าวการลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณออกมาในรูปของข่าวจากสำนักข่าวกรอง แต่เมื่อตรวจสอบลงไปถึงต้นตอข่าว กลับพบว่ามีความน่าเชื่อถือได้น้อย

ข่าวลอบสังหาร พ.ต.ท.ทักษิณจึงแลดูไร้สาระ

แต่ในความไร้สาระก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์ เพราะอย่างน้อยเมื่อข่าวชิ้นนี้ถูกปล่อยออก หน่วยงานความมั่นคงที่รับผิดชอบความปลอดภัยของรักษาการนายกรัฐมนตรีก็ต้องขยับ

การปล่อยข่าวเช่นนี้ย่อมเป็นการป้องกันมิให้ พ.ต.ท.ทักษิณได้รับอันตรายจากการลอบสังหาร

เช่นเดียวกับการปล่อยข่าวเรื่องการปฏิวัติที่สามารถป้องกันการฉีกรัฐธรรมนูญทิ้งได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม หากสังเกตให้ดี ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมเพื่อขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ หรือการกดดันให้รัฐมนตรีในรัฐบาลลาออก หรือข่าวการลอบสังหาร ล้วนแล้วแต่มีนัยยะทางการเมืองแทบทั้งสิ้น

เป็นนัยยะตามความเชื่อที่ว่า เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณพ้นไปแล้ว วิกฤตการเมืองจะมีทางออก

แต่ในความเป็นจริง หาก พ.ต.ท.ทักษิณต้องพ้นจากตำแหน่งไปโดยการถูกขับไล่ หรือถูกปฏิวัติ หรือถูกฆ่า ก็ไม่ใช่ทางออกของวิกฤตทางการเมือง

ขณะเดียวกันกลับจะไปสร้างวิกฤตการเมืองให้เกิดมากขึ้น

ดังนั้น ทางออกที่ดีที่สุดแห่งวิกฤตการเมืองยังคงเป็นทางออกเดิมคือ การทำให้ประเทศไทยมีการเลือกตั้งทั่วไป

การทำให้ประเทศไทยมีการเลือกตั้งทั่วไป เป็นทั้งทางออกที่ดีที่สุดของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยและฝ่ายพรรคการเมือง รวมทั้งพรรคไทยรักไทยด้วย

เพราะแม้ว่าตอนนี้พรรคไทยรักไทยจะยังเป็นรัฐบาลรักษาการ แต่ก็เป็นรัฐบาลรักษาการที่อมทุกข์

ผู้นำประเทศต้องผวากับข่าวการลอบสังหาร เสถียรภาพของรัฐบาลหวั่นไหวกับข่าวคราวการลาออกของรัฐมนตรี ขณะที่ พ.ต.ท.ทักษิณก็ต้องทนฟังเสียงก่นด่าทุกวัน

สถานการณ์เช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบถึงการบริหารภายในพรรค

กระทบต่อเสถียรภาพภายในพรรค

เพราะทุกมุ้ง ทุกก๊วน กำลังรอคอยความแน่นอน

ซึ่งความแน่นอนที่ดีที่สุดคือ การสนับสนุนให้มีการเลือกตั้งใหม่ ที่ได้รับการยอมรับ

แต่ขณะนี้ กกต.จำนวน 3 คน ในปัจจุบัน คือ พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นายปริญญา นาคฉัตรีย์ และนายวีระชัย แนวบุญเนียร ไม่ได้รับการยอมรับในความเป็นกลาง

ทางออกที่ดีที่สุด คือ การให้ กกต.ทั้ง 3 คนลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเปิดทางให้มีการสรรหา กกต. ชุดใหม่ มาทำหน้าที่จัดการเลือกตั้ง แต่จนถึงขณะนี้ ก็ยังปรากฏว่า กกต.ทั้ง 3 คน ไม่ยอมลาออก ทำให้ทางออกที่ดีที่สุดนี้ใช้การไม่ได้

เมื่อใช้การไม่ได้ ความปั่นป่วนทางการเมืองก็เกิดขึ้นแบบไม่จบไม่สิ้น











เพลง : tik tok
ศิลปิน : kesha
เนื้อเพลง :

Wake up in the morning
Feeling like P Diddy
(Hey what up girl?)
Grab my glasses
I’m out the door
I’m gonna hit this city (Let’s go)


Before I leave brush my teeth
With a bottle of Jack
Cause when I leave for the night
I ain’t coming back
I’m talking
Pedicure on our toes toes
Trying on all our clothes clothes
Boys blowing up our phones phones


Drop-topping
Playing our favorite cds
Pulling up to the parties
Trying to get a little bit tipsy


Don’t stop make it pop
DJ blow my speakers up
Tonight I'm a fight
‘Til we see the sunlight
Tick tock on the clock
But the party don’t stop no


Whoa-oh oh oh
Whoa-oh oh oh


Don’t stop make it pop
DJ blow my speakers up
Tonight I'm a fight
‘Til we see the sunlight
Tick tock on the clock
But the party don’t stop no



Whoa-oh oh oh
Whoa-oh oh oh


Ain’t got a care in the world
But got plenty of beer
Ain’t got no money in my pocket
But I’m already here


And now the dudes are lining up
Cause they hear we got swagger
But we kick ‘em to the curb
Unless they look like Mick Jagger


I’m talking about
Everybody getting crunk crunk
Boys trying to touch my junk junk
Gonna smack him if he getting too drunk drunk


Now now
We going ‘til they kick us out out
Or the police shut us down down
Police shut us down down
Po-po shut us


Don’t stop make it pop
DJ blow my speakers up
Tonight I'm a fight
‘Til we see the sunlight
Tick tock on the clock
But the party don’t stop no


Whoa-oh oh oh
Whoa-oh oh oh


Don’t stop make it pop
DJ blow my speakers up
Tonight I'm a fight
‘Til we see the sunlight
Tick tock on the clock
But the party don’t stop no


Whoa-oh oh oh
Whoa-oh oh oh


DJ you build me up
You break me down
My heart it pounds
Yeah you got me
With my hands up
You got me now
You got that sound
Yea you got me
DJ you build me up
You break me down
My heart it pounds
Yeah you got me
With my hands up
Put your hands up
Put your hands up


No the party don’t start 'til I walk in


Don’t stop make it pop
DJ blow my speakers up
Tonight I'm a fight
‘Til we see the sunlight
Tick tock on the clock
But the party don’t stop no


Whoa-oh oh oh
Whoa-oh oh oh

Don’t stop make it pop
DJ blow my speakers up
Tonight I'm a fight
‘Til we see the sunlight
Tick tock on the clock
But the party don’t stop no


Whoa-oh oh oh
Whoa-oh oh oh





เนื้อเพลง แปล


ตื่น นอน ตอน เช้า
รู้สึก เหมือน P Diddy
(เดี๋ยวก่อน สิ่ง up สาว?)
คว้า แก้ว ของ ฉัน
ฉัน ออก จาก ประตู
ฉัน gonna ตี เมือง นี้ (ขอ ไป)


ก่อน ที่ จะ ออก จาก แปรง ฟัน ของ ฉัน
กับ ขวด Jack
ทำให้ เมื่อ ออก จาก คืน
ฉัน จะ ไม่ กลับ มา
ฉัน พูด
ทำ เล็บ เท้า กระหย่ง เท้า ของ เรา
พยายาม ทั้งหมด เสื้อผ้า เสื้อผ้า ของ เรา
ชาย เป่า ค่า โทรศัพท์ ของ โทรศัพท์


แบบ เลื่อน ขึ้น เหนือ
เล่น ซีดี โปรด ของ เรา
ดึง ขึ้น แก่ บุคคล
พยายาม ที่ จะ ได้ เมา นิด ๆ


ไม่ ได้ หยุด ให้ pop
DJ พัด พูด ของ ฉัน ขึ้น
คืน นี้ ฉัน กำลัง ต่อสู้
'Til เรา เห็น แสงแดด
สัญญา ลับ กับ นาฬิกา
แต่ บุคคล ที่ ไม่ ได้ หยุด ไม่


Whoa-แหม แหม แหม
Whoa-แหม แหม แหม


ไม่ ได้ หยุด ให้ pop
DJ พัด พูด ของ ฉัน ขึ้น
คืน นี้ ฉัน กำลัง ต่อสู้
'Til เรา เห็น แสงแดด
สัญญา ลับ กับ นาฬิกา
แต่ บุคคล ที่ ไม่ ได้ หยุด ไม่



Whoa-แหม แหม แหม
Whoa-แหม แหม แหม


ไม่ ได้ รับ การ ดูแล ใน โลก
แต่ มี มากมาย เบียร์
ไม่ ได้ ไม่มี เงิน ใน กระเป๋า เสื้อ ของ ฉัน
แต่ ฉัน อยู่ ที่ นี่


และ ตอน นี้ dudes เป็น แถว
ทำให้ พวก เขา ได้ยิน เรา ได้ เก่งแต่ปาก
แต่ เรา เตะ 'em เพื่อ เหนี่ยวรั้ง
จนกว่า พวก เขา จะ มี ลักษณะ เหมือน Mick Jagger


ฉัน กำลัง พูด ถึง
ทุก คน crunk รับ crunk
ชาย พยายาม จับ ขยะ ขยะ ของ ฉัน
Gonna ตี เขา ถ้า เขา เริ่ม เมา เมา เกินไป


ปัจจุบัน นี้
เรา จะ 'til พวก เขา เตะ เรา ออก จาก
หรือ ตำรวจ ปิด เรา ลง มา
ตำรวจ ปิด เรา ลง มา
Po-PO ปิด เรา


ไม่ ได้ หยุด ให้ pop
DJ พัด พูด ของ ฉัน ขึ้น
คืน นี้ ฉัน กำลัง ต่อสู้
'Til เรา เห็น แสงแดด
สัญญา ลับ กับ นาฬิกา
แต่ บุคคล ที่ ไม่ ได้ หยุด ไม่


Whoa-แหม แหม แหม
Whoa-แหม แหม แหม


ไม่ ได้ หยุด ให้ pop
DJ พัด พูด ของ ฉัน ขึ้น
คืน นี้ ฉัน กำลัง ต่อสู้
'Til เรา เห็น แสงแดด
สัญญา ลับ กับ นาฬิกา
แต่ บุคคล ที่ ไม่ ได้ หยุด ไม่


Whoa-แหม แหม แหม
Whoa-แหม แหม แหม


DJ ที่ คุณ สร้าง ฉัน
คุณ ทำลาย ฉัน ลง
หัวใจ มัน ปอนด์ ของ ฉัน
จ้ะ คุณ มี ฉัน
ด้วย มือ ของ ฉัน ขึ้น
คุณ มี ฉัน ตอน นี้
คุณ มี เสียง ที่
จ้ะ คุณ มี ฉัน
DJ ที่ คุณ สร้าง ฉัน
คุณ ทำลาย ฉัน ลง
หัวใจ มัน ปอนด์ ของ ฉัน
จ้ะ คุณ มี ฉัน
ด้วย มือ ของ ฉัน ขึ้น
ใส่ มือ ของ ขึ้น
ใส่ มือ ของ ขึ้น


ไม่มี บุคคล ที่ ไม่ ได้ เริ่ม ต้น 'til ฉัน เดิน ใน


ไม่ ได้ หยุด ให้ pop
DJ พัด พูด ของ ฉัน ขึ้น
คืน นี้ ฉัน กำลัง ต่อสู้
'Til เรา เห็น แสงแดด
สัญญา ลับ กับ นาฬิกา
แต่ บุคคล ที่ ไม่ ได้ หยุด ไม่


Whoa-แหม แหม แหม
Whoa-แหม แหม แหม

ไม่ ได้ หยุด ให้ pop
DJ พัด พูด ของ ฉัน ขึ้น
คืน นี้ ฉัน กำลัง ต่อสู้
'Til เรา เห็น แสงแดด
สัญญา ลับ กับ นาฬิกา
แต่ บุคคล ที่ ไม่ ได้ หยุด ไม่


Whoa-แหม แหม แหม
Whoa-แหม แหม แหม

วันจันทร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2552




แนวทางการศึกษาต่อ

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ

เหตุผล : เป็นมหาลัยที่ใฝ่ฝันเอาไว้ และพ่อแม่ก็สนับสนุน

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
“ ความรู้คู่ความดี ”

ข้อมูลทั่วไป

อักษรย่อ
มกท./BU
ชื่อภาษาอังกฤษ
Bangkok University
วันสถาปนา
พ.ศ. 2505
ประเภท
เอกชน
สีประจำสถาบัน
แสด - ม่วง

มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นสถาบันอุดมศึกษาเอกชน เริ่มแรกนั้นได้รับการก่อตั้งในชื่อ “โรงเรียนไทยเทคนิค” เมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยอาจารย์สุรัตน์ และอาจารย์ปองทิพย์ โอสถานุเคราะห์ ต่อมาจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “วิทยาลัยกรุงเทพ” และได้รับการยกฐานะขึ้นเป็น “มหาวิทยาลัยกรุงเทพ” ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2527 โดยจัดการเรียนการสอนใน 9 คณะ รวมทั้ง วิทยาลัยนานาชาติ และบัณฑิตวิทยาลัย ครอบคลุมสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มนุษยศาสตร์ และสังคมศาสตร์ ปัจจุบัน เปิดดำเนินการสอน ใน 2 วิทยาเขต ได้แก่ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท กรุงเทพมหานคร และวิทยาเขตรังสิต จังหวัดปทุมธานี






ประวัติ


มหาวิทยาลัยกรุงเทพถือกำเนิดขึ้นมาจากการก่อตั้ง "โรงเรียนไทยเทคนิค" ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2505 โดยอาจารย์ ร.ต.อ.สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ (เจ้าของบริษัทในเครือโอสถสภา) โรงเรียนตั้งอยู่ในที่ดินในซอยบ้านกล้วยใต้ ริมถนนพระราม 4 (ปัจจุบัน คือ ที่ตั้งของวิทยาเขตกล้วยน้ำไท) ซึ่งในสมัยนั้นยังเป็นถนนลูกรังอยู่ แต่เป็นย่านค้าขายของเหล่าบรรดานายห้างต่างชาติรวมถึงท่าเรือสินค้าที่คลองเตยด้วย
ต่อมา มีการเปลี่ยนชื่อสถาบันใหม่เป็น "วิทยาลัยกรุงเทพ" หรือ Bangkok College เนื่องจาก ชื่อเดิมสร้างความสับสนต่อประชาชนทั่วไปที่คิดว่าเป็นโรงเรียนอาชีวศึกษา การจัดการศึกษาของโรงเรียนในสมัยแรก ๆ ไม่ได้รับการรับรองจากทางราชการไทย เนื่องจากเป็นวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกที่เปิดสอนในระดับปริญญา ผู้บริหารโรงเรียนจึงได้ขอความร่วมมือทางวิชาการจาก มหาวิทยาลัยแฟรลีดิกคินสัน (Fairleigh Dickinson University) จากสหรัฐอเมริกา ในการรับรองวิทยฐานะของปริญญา โดยในสมัยนั้นผู้ที่ศึกษาจบการศึกษาจากวิทยาลัยกรุงเทพจะได้รับปริญญา 2 ใบ คือ จาก วิทยาลัยกรุงเทพ และมหาวิทยาลัยแฟรลีดิกคินสันด้วย[1]
เมื่อวิทยาลัยกรุงเทพเป็นที่ยอมรับในสังคมไทยมากขึ้น การขยายตัวก็มีขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกัน ก็มีการเกิดขึ้นของวิทยาลัยเอกชนอีกหลาย ๆ แห่งไม่ว่าจะเป็น วิทยาลัยการค้า วิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ การแข่งขันของสถาบันการศึกษาเอกชนเริ่มมีมากขึ้น ผู้บริหารจึงมีโครงการที่จะขยายและยกฐานะขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย แต่ไม่ได้รับการอนุญาตจากทางราชการไทย จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2527 วิทยาลัยกรุงเทพจึงได้รับการยกฐานะจากทางราชการไทยให้เป็น "มหาวิทยาลัยกรุงเทพ" ตามประกาศในราชกิจจานุเบกษา วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2527[2]
มหาวิทยาลัยกรุงเทพได้มีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว การขยายตัวนี้นำมาซึ่งการเปิดวิทยาเขตแห่งใหม่ที่รังสิต จังหวัดปทุมธานี ห่างจาก ท่าอากาศยานกรุงเทพ ไปตามถนนพหลโยธิน 14 กิโลเมตร ภายในพื้นที่กว่า 400 ไร่ ซึ่งผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยมีความหวังที่จะสร้างวิทยาเขตรังสิตให้เป็นมหาวิทยาลัยที่มีบรรยากาศเหมือนมหาวิทยาลัยชั้นนำในประเทศอังกฤษ และสหรัฐอเมริกาที่ตั้งอยู่ชานเมือง มีสวน มีต้นไม้ มีทะเลสาบ และมีอาคารที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ด้วยความห่างไกลความเจริญของรังสิตในสมัยนั้น มหาวิทยาลัยกรุงเทพวิทยาเขตรังสิตถูกขนานนามว่าเป็น กระท่อมปลายนา จากการเรียกของนักศึกษา








สัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย


สัญลักษณ์มหาวิทยาลัยฯ (2527-2547)
ตราประจำมหาวิทยาลัย

มหาวิทยาลัยกรุงเทพใช้รูปเพชร เป็นตราประจำมหาวิทยาลัยมาโดยตลอดตั้งแต่แรกเริ่มก่อตั้ง แต่มีการเปลี่ยนแปลงรูปแบบมาแล้วหลายครั้ง โดยในรูปแบบดั้งเดิมนั้น เรียกว่า เพชรในชัยพฤกษ์ ซึ่งเป็นตราที่ประกอบไปด้วยรูปเพชร และล้อมรอบด้วยช่อชัยพฤกษ์ แต่ปัจจุบัน (ตั้งแต่ปีการศึกษา 2548) มีการเปลี่ยนแปลงตรามหาวิทยาลัยใหม่ แต่ยังคงเป็นรูปเพชร ซึ่งออกแบบให้มีลักษณะความทันสมัยมากขึ้นและเพิ่มเติมสีสัน เพื่อให้สื่อความหมายต่างๆ มากขึ้นด้วย
ที่มาของตรามหาวิทยาลัยรูปเพชรนั้น แท้จริงแล้ว มีที่มาจากชื่อผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยคือ อาจารย์สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ คำว่า สุรัตน์ แปลว่า แก้วอันประเสริฐ ซึ่งก็คือ เพชร นั่นเอง การนำเพชรมาเป็นตรามหาวิทยาลัย จึงเป็นการให้เ กียรติ และเป็นการระลึกถึงผู้ก่อตั้งสถาบันการศึกษาแห่งนี้นั่นเอง นอกจากนั้น เพชรยังสื่อความหมายถึงคุณค่า และความแข็งแกร่ง และมหาวิทยาลัย เปรียบเสมือนสถานที่เจียรไนนักศึกษา ให้กลายเป็นเพชรที่มีเกียรติ มีคุณค่า มีความมั่นคงแข็งแกร่ง และเป็นที่ยอมรับในสังคม
สีประจำมหาวิทยาลัย
ที่มาของสีสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยนั้น จากหลักฐานและบันทึกทางประวัติศาสตร์ของมหาวิทยาลัย แต่เดิมมหาวิทยาลัยใช้ สีเขียวอมฟ้า เป็นสีประจำมหาวิทยาลัย ดังจะเห็นได้จาก ปกเสื้อครุยของบัณฑิตรุ่นแรก ๆ ที่เป็นสีเขียวอมฟ้า และจากเพลงมาร์ชของมหาวิทยาลัย ที่ยังคงมีเนื้อร้องว่า ธงเขียวเชิดให้เด่นไกลนานเนาว์ มาจนถึงปัจจุบัน
ปัจจุบัน ได้เปลี่ยนมาใช้ สีม่วง และ สีแสด เป็นสีประจำมหาวิทยาลัย โดยการเปลี่ยนแปลงสีประจำมหาวิทยาลัยนั้น เพื่อเป็นเกียรติกับสองบูรพาจารย์ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย เนื่องจากสีม่วงเป็นสีประจำวันเสาร์ และสีแสดเป็นสีประจำวันพฤหัสบดี
ต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย
ต้นชัยพฤกษ์ เป็นต้นไม้มงคลที่ใช้ในพิธีการมงคลตามความเชื่อของคนไทย นำมาใช้เป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกต้นชัยพฤกษ์ ณ บริเวณด้านหน้าอาคารฝั่งทิศใต้ ของอาคารหอสมุดสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ นับเป็นพระกรุณาธิคุณและเป็นมิ่งขวัญของชาวมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ต้นชัยพฤกษ์แห่งมิ่งมงคลนี้ จะหยั่งรากลึกลงในหัวใจของชาวมหาวิทยาลัยกรุงเทพสืบต่อไป
เพลงประจำมหาวิทยาลัย
เพลงประจำมหาวิทยาลัย ที่ใช้ในพิธีการและโอกาสต่างๆ นั้น มีทั้งเพลงมาร์ช และเพลงความรู้คู่ความดี เป็นเพลงที่ใช้มาตั้งแต่มีการก่อตั้งมหาวิทยาลัย ลักษณะคำร้อง ทำนอง และแนวดนตรี จึงเป็นไปในลักษณะย้อนยุค
คณะและวิทยาลัย
บัณฑิตวิทยาลัย
คณะบริหารธุรกิจ
คณะบัญชี
คณะนิเทศศาสตร์
คณะนิติศาสตร์
คณะมนุษยศาสตร์
รุยวิทยฐานะ
ครุย หรือ Gown เป็นเครื่องแต่งกายแสดงวิทยฐานะของผู้สวมใส่ และแสดงความเป็นบัณฑิตแห่งสถาบัน ใช้สำหรับในพิธีการสำคัญของมหาวิทยาลัย เช่น พิธีไหว้ครู พิธีประสาทปริญญาบัตร เป็นต้น ชุดครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ ใช้รูปแบบเสื้อคลุมแบบยุโรปสมัยกลาง โดยเป็นเสือคลุมยาวคลุมเข่า สีดำ สำหรับบัณฑิตระดับปริญญาโทขึ้นไปมีแถบกำมะหยี่สีดำที่สาบเสื้อและแขนเสื้อทั้งสอง
ปกเสื้อครุย หรือ Hood เป็นผ้าสามเหลี่ยมที่คล้องคอโดยให้ชายปกห้อยไปทางด้านหลัง ปกเสื้อครุยจะเป็นผ้ากำมะหยี่สีต่างๆ ขลิบด้วยสีส้มซึ่งเป็นสีประจำมหาวิทยาลัย โดยปกเสื้อครุยจะมีสีสันที่ต่างกันไปตามสีของคณะ ซึ่งมีสีและควาหมายดังนี้
คณะบัญชี สีฟ้า ซึ่งเป็นสีแห่งทะเล สัญลักษณ์แห่งเส้นทางหลักของการค้าขายในอดีตจนปัจจุบัน
คณะบริหารธุรกิจ สีแดง ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์แห่งความมุ่งมั่นเพื่อเป้าหมายทางธุรกิจ
คณะนิเทศศาสตร์ สีน้ำเงิน ซึ่งเป็นสีของน้ำหมึก สัญลักษณ์แห่งการสื่อสารและการพิมพ์
คณะนิติศาสตร์ สีม่วง ซึ่งเป็นสีของเสื้อคลุมของผู้พิพากษาในสมัยกลาง สัญลักษณ์แห่งความยุติธรรม
คณะมนุษยศาสตร์ สีเหลืองทอง ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของอารยธรรมมนุษย์
คณะเศรษฐศาสตร์ สีเขียวเข้ม ซึ่งเป็นสีสัญลักษณ์ของการเกษตร อันเป็นเศรษฐกิจหลักของประเทศ
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สีน้ำตาล ซึ่งเป็นสีของดิน ต้นกำเนิดของสรรพสิ่งบนพื้นโลก
คณะศิลปกรรมศาสตร์ สีชมพูกลีบบัว ซึ่งเป็นสีของดอกบัวที่พ้นน้ำ ตามหลักธรรมคำสอนเรื่องบัวสี่เหล่าของพระพุทธเจ้า
คณะวิศวกรรมศาสตร์ สีแดงเข้ม หรือสีเลือดหมู ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญและเป็นหนึ่งเดียวกัน
วิทยาลัยนานาชาติ ใช้สีตามหลักสูตรหรือสาขาวิชาในคณะที่สังกัด[3]
วิทยาเขต
มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เปิดดำเนินการสอนใน 2 วิทยาเขต ได้แก่
วิทยาเขตกล้วยน้ำไท
ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 119 ซอยสุขุมวิท 40 (ซอยบ้านกล้วยใต้) แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร มีพื้นที่ 25 ไร่ 3 งาน 49 ตารางวา เป็นสถานที่เรียนของนักศึกษาชั้นปีที่ 3-4 ภาคปกติ นักศึกษาวิทยาลัยนานาชาติทุกชั้นปี นักศึกษาปริญญาโทและเอก และนักศึกษาภาคพิเศษ สถานที่ทำการของสำนักงานอธิการบดี วิทยาลัยนานาชาติ บัณฑิตวิทยาลัย คณะวิชาต่างๆ ห้องปฏิบัติการ ห้องเรียน ห้องสัมมนา สำนักหอสมุด ศูนย์คอมพิวเตอร์ศูนย์กีฬาในร่มและหน่วยงานบริการอื่นๆ
วิทยาเขตรังสิต
ตั้งอยู่ ณ เลขที่ 9/1 หมู่ 5 ถนนพหลโยธิน ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมืองไปทางทิศเหนือประมาณ 14 กิโลเมตร มีพื้นที่ 441 ไร่ 1งาน 67 ตารางวา เป็นสถานที่ศึกษาของนักศึกษาในระดับปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ คณะบริหารธุรกิจ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะศิลปกรรมศาสตร์ และนักศึกษาชั้นปีที่ 1-2 ของคณะบัญชี คณะมนุษยศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังเป็นสถานที่ตั้งของสนามกีฬา มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หอสมุดสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ และพิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยเครื่องถ้วยโบราณที่สำคัญและสมบูรณ์ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
วิทยาเขตรังสิต ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 14001 ทั้งระบบจากสถาบันสิ่งแวดล้อมไทย ซึ่งนับเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งแรกในประเทศไทยที่ได้รับรองมาตรฐาน ISO 14001 ทั้งระบบ[4]
ความสัมพันธ์กับสถาบันต่างประเทศ
มหาวิทยาลัยมีความสัมพันธ์กับสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ทั่วโลกเป็นอย่างดี นำมาซึ่งความร่วมมือและการสนับสนุนทางด้านวิชาการรวมทั้งด้านวัฒนธรรมในโครงการต่างๆ เช่น โครงการแลกเปลี่ยนคณาจารย์และนักศึกษา โครงการศึกษาดูงาน ตลอดจนการพบปะแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านการบริหารมหาวิทยาลัยระหว่างผู้บริหารระดับสูงมหาวิทยาลัยกรุงเทพเป็นสถาบันอุดมศึกษาแห่งแรกของภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ที่ได้รับเชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคมอธิการบดีระหว่างประเทศ (International of University Presidents IAUP) ซึ่งในปี 2527 ดร.เจริญ คันธวงศ์ อธิการบดีกิตติคุณ ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ และดร.ธนู กุลชล อธิการบดีได้รับเลือกเป็นผู้ช่วยเลขาธิการ โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปี
ในด้านการพัฒนาคุณภาพเกี่ยวกับการเรียนการสอนและบุคลากร หรืออาจารย์ผู้สอน มหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนในด้านวิชาการจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงดีเด่นของประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ อาทิ
ประเทศสหรัฐอเมริกา
California State University, Sacramento
Fairleigh Dickinson University
Interlink Language Ceneter
Ohio University
Pittsburg State University
University of Massuchusetts-Amherst
University of Montana
University of Nebraska-Lincoln
University of New Orleans
Southern Illinois University
ประเทศญี่ปุ่น
Dohto University
Kansai Gaidai University
Osaka International University
Osaka University of Economics
เครือรัฐออสเตรเลีย
Deakin University
The University of Canberra
สาธารณรัฐฟินแลนด์
Mikkeli Polytechnic
Satakunta Polytechnic
ราชอาณาจักรนอร์เวย์
Alesund University College
Hedmark University College
สาธารณรัฐเกาหลี
Hannam University
Sungkyunkwan University
สาธารณรัฐประชาชนจีน
Beijing Polytechnic University
Hubei Correspondence University
สาธารณรัฐออสเตรีย
Management Center Innsbruck
Steyr School of Management, University of Applied Sciences
สหรัฐเม็กซิโก
The Instituto Technological Y De Estudios Superiores De Monterrey
สาธารณรัฐฮังการี - ฝรั่งเศส
Ecole Superieure Des Sciences Commerciales D'Angers (ESSCA)
ราชรัฐโมนาโค
University of Southern Europe-Monaco
ราชอาณาจักรกัมพูชา
Norton University
ประเทศมาเลเซีย
Universiti Utara Malaysia
ราชอาณาจักรสวีเดน
Malardalen University
สถานที่สำคัญ
หอพระพุทธสุรัตนมุนี (หลวงพ่อเพชร) - เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสุรัตนมุนี ปางนาคปรก พระพุทธรูปประจำมหาวิทยาลัย ลักษณะเป็นศาลาทรงไทยตรีมุข ก่ออิฐถือปูน ประกอบด้วยลวดลายไทยอย่างวิจิตรงดงาม องค์พระหล่อด้วยสำริด รมดำทั้งองค์ ฐานพญานาคประดับด้วยกระจกสี ด้านหน้าหอพระ มีแผ่นศิลาจารึกพระพุทธโอวาทของพระพุทธเจ้า
หอสมุดสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ (Surat Osathanugrah Library) - เป็นหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ที่วิทยาเขตรังสิต เป็นอาคารสูง 5 ชั้น ให้ชื่อเพื่อเป็นเกียรติแด่ร้อยตำรวจเอกสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย
อาคารนิเทศศาสตร์คอมเพล็กซ์ ปองทิพย์ โอสถานุเคราะห์ - เป็นกลุ่มอาคารสำหรับการศึกษาทางด้านนิเทศศาสตร์ และการสื่อสารมวลชน ตั้งอยู่ใกล้กับทะเลสาบ ภายในมหาวิทยาลัยที่วิทยาเขตรังสิต
พิพิธภัณฑสถานเครื่องถ้วยเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ - จัดตั้งขึ้นเนื่องในโอกาสที่มหาวิทยาลัยมีอายุครบรอบ 40 ปี ซึ่งอาจารย์สุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัย ได้กรุณามอบศิลปโบราณวัตถุ จำนวนกว่า 2,000 รายการ เพื่อให้เป็นแหล่งศึกษาหาความรู้ของนักเรียน นักศึกษา ตลอดจนประชาชนทั่วไป โดยห้องจัดแสดงอยู่บริเวณชั้นใต้ดินของหอสมุดสุรัตน์ โอสถานุเคราะห์ มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,872 ตารางเมตร แบ่งออกเป็นห้องนิทรรศการถาวร ห้องนิทรรศการพิเศษ คลังพิพิธภัณฑสถานเพื่อการศึกษา สำนักงาน และร้านจำหน่ายของที่ระลึก
โรงละครแบล็กบ็อกซ์ - เป็นโรงละครแบบบรอดเวย์ ที่มีลักษณะเฉพาะคือ ทุกสิ่งทุกอย่างในโรงละครเป็นสีดำ สร้างด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ใช้เป็นสถานที่แสดงละครเวทีของนักศึกษา
บียู เรสโตรองต์ - เป็นภัตตาคารจำลอง ของภาควิชาการท่องเที่ยวและการโรงแรม คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ตั้งอยู่ที่อาคาร ศูนย์ประชาสัมพันธ์ (ประตู 1) วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ให้บริการเฉพาะอาหารกลางวัน ทุกวันอังคาร-วันเสาร์ ระหว่างเวลา 11.00-14.00 น. ยกเว้นช่วงสอบ และปิดภาคการศึกษา วัตถุประสงค์ที่สำคัญในการเปิดดำเนินการ คือ ให้นักศึกษาได้มีโอกาสนำความรู้มาปฏิบัติจริง ได้เรียนรู้ และแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในระหว่างปฏิบัติงาน ฝึกการทำงานร่วมกันเป็นหมู่คณะ เหนือสิ่งอื่นใด นักศึกษาจะต้องเรียนรู้ และเข้าใจว่า จะต้องให้บริการอย่างสุดความสามารถ
หอศิลป์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ - เป็นสถานที่จัดแสดงผลงานทางศิลปะต่างๆ ทั้งศิลปินอาชีพ ศิลปินอิสระ นักศึกษาทั้งในและต่างประเทศ
บุคคลที่มีชื่อเสียงจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
รายนามบุคคลจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ
แทมมารีน ธนสุกาญจน์ นิติศาสตร์บัณฑิต รุ่นที่ 33
ดนัย อุดมโชค
ธัญญาเรศ รามณรงค์ นิเทศศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ 32
สรยุทธ สุทัศนะจินดา นิเทศศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ 22
แอน ทองประสม นิเทศศาสตรบัณฑิต รุ่นที่ 33